ดวงตาเป็นอวัยวะสำคัญ
แต่หลายๆคนก็ละเลยที่จะดูแลสุขภาพของดวงตาให้ดี
> ดวงตาของเราเสื่อมถอยลงทุกวันโดยเราไม่รู้ตัว เนื่องจากเราต้องเผชิญกับอนุมูลอิสระตัวร้ายนั่นก็คือ แสงอุลตร้าไวโอเล็ต (UV)
> สังเกตุว่า เมื่อคนเราอายุมากขึ้น จะมีโรคเกี่ยวกับดวงตาเข้ามาเกี่ยวข้องได้ ถ้าเราดูแลดวงตาของเรา "ไม่ดีพอ" เช่น
- โรคต้อกระจก (เลนส์ตาขุ่นมัว) ทำให้เห็นภาพไม่ชัดเจน คล้ายๆกับอยู่ในหมอกลงจัดตลอดเวลา
- โรคจอประสาทตาเสื่อม เนื่องจากอายุที่มากขึ้น (AMD) ทำให้เห็นภาพบิดเบี้ยวไป จนกระทั้งตาบอด
- โรควุ้นในตาเสื่อมสภาพ จะทำให้เห็นจุดดำๆ ลอยไป ลอยมา ผ่านสิ่งที่เรามอง
- โรคจอประสาทตาลอก จะทำให้เห็นแสงไฟ แปร็บๆ เหมือนแสงแฟลชหรือฟ้าแลบ ถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ ตาจะบอดในที่สุด
- โรคต้อหิน เกิดจากน้ำวุ้นที่อยู่ในตา ไม่มีทางระบายออก ทำให้เกิดความดันในดวงตาสูงขึ้น ถ้าเป็นนานๆ ตาจะบอดในที่สุด
- โรคดวงตาอื่นๆ อาทิ ตาบอดจากเบาหวาน ฯลฯ
อัครเชษฐ์ ปู เปอร์ตีส
> การดูแลสุขภาพดวงตาที่ดี ควรทำต้องแต่เนิ่นๆ (ถ้าเริ่มในวัยเด็กจะดีที่สุด) ดังนี้
> ไม่ควรอยู่กับแสงจ้าๆ(หรือมอง) เป็นเวลานานๆ ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด , แสงจากการเชื่อมเหล็ก ,แสงสปอร์ตไลท์ ,แสงจอคอมพิวเตอร์(
ในที่มืด) ,แสงจากจอทีวี(ในที่มืด) ฯลฯ ถ้าต้องอยู่นานๆควรหาแว่นตากันแสง(คุณภาพดีๆ)มาใส่
> ควรใส่แว่นป้องกันลม เมื่อต้องปะทะลมแรงๆ เช่น ขับมอร์เตอร์ไซด์ / มีแรงลมของพัดลม หรือ เครื่องปรับอากาศเป่ามาที่ดวงตา
> การจ้องสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานๆ เช่น ดูคอมพิวเตอร์ / อ่านหนังสือ / ดูทีวี ฯลฯ ... ถ้ารู้สึกว่าน้ำตาไหลออกมาเอง แสดงว่า ดวงตาเริ่มแห้ง ควร
กระพริบตาให้บ่อยขึ้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคจากสิ่งรอบข้าง (น้ำตาช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ดี)
> เมื่อพบอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาโรค
การดูแลด้านโภชนาการ(ดวงตา) คือ การทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตา ให้มากขึ้น เช่น
- ทานอาหารที่มีวิตามิน เอ
- ทานผัก ผลไม้ ที่มีสีม่วงๆเข้มๆเป็นประจำ
- ทานผักผลไม้ที่มีสีเขียวจัดๆ เพราะมีสารลูทีนช่วยส่งเสริมสุขภาพดวงตา
- ทานผักผลไม้ที่มีสีเหลือง-ส้ม เพราะมีสาร เบต้า แคโรทีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามิน เอ
- ทานปลาทะเลให้ได้กรดไขมันโอเมก้า 3(DHA)
- ควบคู่ไปกับ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่เป็นกลุ่มสารอาหารที่ดูแลดวงตา
> ไอเบลนด์ พลัส ลูทีน มีส่วนประกอบหลัก 5 ชนิด ดังนี้
1) สารสกัดจากดอกดาวเรือง
- ให้สารไฟโตนิวเทรียนท์ ที่ชื่อว่า "ลูทีน" สูง
- มีส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระ(แสงUV)ในจอประสาทตา
- ลดความเสี่ยงจากโรคจอประสาทตาเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้น(AMD)
- ลดความเสี่ยงโรคต้อกระจก (เลนส์ตาขุ่นมัว)
2) สารสกัดจากบิลเบอร์รี่
- ให้สารไฟโตนิวเทรียนท์ ที่ชื่อว่า "แอนโธไซยานิน , แอนโธไซยาโนไซด์ , โปรแอนโธไซยานิดิน" ซึ่งพบมากในกลุ่มผักผลไม้สีม่วงเข้ม
- มีส่วนต้านอนุมูลอิสระ
- ส่งเสริมสุขภาพหลอดเลือดฝอยในจอประสาทตา (ให้ขยายตัวได้ดี)
- ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดในจอประสาทตาให้ดีขึ้น
- ช่วยทำให้มองเห็นภาพคมชัดขึ้นในที่มืด(หรือ เวลากลางคืน)
- ลดความเสี่ยงการตาบอดจากการได้รับแสงจ้า
- ลดความเสี่ยงต้อกระจก เมื่อทำงานร่วมกับวิตามินอี
3) ผงแบล็คเคอร์เรนท์สกัด
- ให้สารไฟโตนิวเทรียนท์ ที่ชื่อว่า "แอนโธไซยานิน , แอนโธไซยาโนไซด์ , โปรแอนโธไซยานิดิน" ซึ่งพบมากในกลุ่มผักผลไม้สีม่วงเข้ม (
คุณสมบัติเหมือน ข้อ 2)
- ให้สารต้านอนุมูลอิสระ สูงกว่า วิตามินซี
4) ผงสปิแนช
- อุดมไปด้วยสารลูทีน ,วิตามินซี และ วิตามิน เอ
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระที่ก่อปัญหากับดวงตา
5) วิตามิน เอ
- เป็นวิตามินที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ดี
- วิตามิน เอ เป็นส่วนประกอบของสารที่ชื่อว่า "โรดอปซิน" ซึ่งมีมากในดวงตา
- "โรดอปซิน" มีส่วนช่วยให้มองเห็นในที่มืด(มีแสงน้อย)ได้ชัดเจนขึ้น ในระยะเวลาอันรวดเร็ว
- การมีวิตามิน เอ ในดวงตา "น้อยเกินไป" จะทำให้เกิดโรค "ตาบอดเวลากลางคืน" หมายถึงเมื่อมีแสงน้อยๆจะมองไม่เห็น
> สารลูทีน/ซีแซนทีน
- เป็นสารสีเหลืองพบในเรตินา และเลนส์ตา
- ดูดซับแสงน้ำเงินปกป้องจอประสาทตาจากแสงยูวี
- ต้านอนุมูลอิสระ ในดวงตา
> แอนโธไซยาโนไซด์
- เพิ่มสมรรถภาพในการมองเห็นในที่มืด
- ลดความเสี่ยงของ การตาบอดจากแสงจ้า
- ทำงานร่วมกับวิตามินอี ป้องกัน“ต้อกระจก”
- เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
> แอนโธไซยานิน / แอนโธไซยาโนไซด์
โปรแอนโธ ไซยานิดิน
- ต้านอนุมูลอิสระ ได้ดีกว่า วิตามินซี
- ป้องกันตาบอดเวลากลางคืน
- เสริมการไหลเวียนโลหิต ในเส้นเลือดฝอย
> เบต้า แคโรทีน/ วิตามิน เอ / วิตามิน ซี /ลูทีน
- ต้านอนุมูลอิสระ
- ป้องกันจอประสาทตา จากแสง UV
- ป้องกันตาบอดตอนกลางคืน